• ศุกร์. ต.ค. 4th, 2024

องคมนตรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำชี ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์

วันนี้ (15 ส.ค. 2567) เวลา 12.30 น. นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี ในฐานะรองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำชี ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับและนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เพื่อติดตามและรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2567

นางรุ่งรวี อ้นคต ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รายงานว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนจะสูงกว่าเกณฑ์ปกติเล็กน้อยและมีพายุฤดูร้อนเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนกันยายนมีโอกาสที่ปริมาณฝนจะสูงกว่าเกณฑ์ปกติประมาณร้อยละ 5 ควรระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดฝนตกชุกและกระจุกตัวในช่วงระยะเวลาสั้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

ด้านนายสุรพล สวนจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 รายงานให้ที่ประชุมทราบสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำเก็บกักทั้งสิ้น 1,629 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 36 ซึ่งเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการนำที่คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำท่าในระดับปานกลาง ทั้งนี้จากการประมาณการของกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทานได้ปรับแผนเพื่อรองรับสถานการณ์ปริมาณฝนมากกว่าปกติร้อยละ 5 เพื่อให้สามารถรองรับการจัดเก็บนำในฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยป้องกันอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 จะมีปริมาณน้ำเก็บกักใน 3 เขื่อนหลักที่ระดับร้อยละ 80 หรือประมาณ 3,600 – 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่เพียงพอที่จะจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อต่อการใช้ในการอุปโภคและบริโภคตลอดช่วงฤดูแล้งตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

ที่ประชุมเห็นว่าจากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีโอกาสที่จะเกิดผลกระทบจากฝนกระจุกตัวและน้ำท่วมฉับพลันในระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคมของปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ระหว่างกลุ่มจังหวัดลุ่มน้ำชี เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานด้านความมั่นคง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมและแผนเพื่อรองรับกรณีเกิดอุทกภัย ให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วย เด็ก และสถานที่ราชการที่ให้บริการประชาชน เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียนสามารถอพยพประชาชน และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวช้องในการเร่งการระบายน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

หลังจากนั้นองคมนตรีพร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังสันเขื่อนลำปาว เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำจากนายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ทำให้ได้ทราบข้อมูลสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาว ประจำวันที่ 15 ส.ค. 2567 ว่ามีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 923.16 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 46.62 สามารถรับน้ำได้อีก 1,056.84 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ จำนวน 22.40 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 10.84 ล้าน ลบ.ม.

ตระกูล ภูพวงเพชร /รายงาน
www.kalasinnews.com