กาฬสินธุ์ หญิงป่วยกระดูกทับเส้นร้อง 7 สีช่วยชาวบ้าน
กาฬสินธุ์ สาวใหญ่วัย 47 ปี ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเดือดร้อนหนักโทรศัพท์เข้าช่อง 7HD เบอร์ 02 495 7777 หลังจากนั้นทางสถานีฯ ได้ให้เบอร์ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อจากนั้นได้พูดคุยขอความช่วยเหลือเพื่อตีแผ่ข่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยปลัดอำเภอห้วยเม็กพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 288 หมู่ที่ 13 บ้านห้วยเม็ก ตำบลห้วยเม็ก อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อพบกับ น.ส.เบญญาภา ปุญญนุช อายุ 47 ปี ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านของน้องชายและน้องสาว สภาพบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวที่อยู่อาศัยกันทั้งหมด 4 ชีวิต (คุณย่า, น้องชาย, เจ้าตัว และ ลูกสาว)
น.ส.เบญญาภา ปุญญนุช บอกกับทุกคนว่า ได้รับความเดือดร้อนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 บ้านโดนพายุพัดจนพังเสียหายเกือบทั้งหลัง คาใจที่ทางเทศบาลบอกว่าทำบ้านให้แล้ว แล้วงบที่บอกทำบ้านหายไปไหน ชาวบ้านแถวใกล้เคียงกันพร้อมเป็นพยานให้ว่าไม่เคยมีใครออกมาสร้างบ้านให้ ทุกวันนี้ต้องเก็บข่า ตะไคร้ขายพอได้เงินเลี้ยงชีพไปวันๆ ปัจจุบันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด 13 ปี ตอนนี้ทุกข์หนักป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เนื่องจากประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ทำให้สายตามองไม่ชัด ทำงานหนักไม่ได้มาตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ
น.ส.เบญญาภา บอกอีกว่า บ้านหลังนี้ตอนที่โดนพายุพัดได้รับสังกะสีแค่ 8 แผ่น ตามที่เห็นในภาพบ้านโดนพายุพัดทั้งหลัง ทำให้ตนเองคาใจ จึงได้ร้องเรียนช่อง 7HD ไปเพราะว่าตัวเองไม่มีบ้านอยู่และไม่มีอาชีพ ซึ่งถ้าไม่เป็นข่าวก็คงไม่มีใครลงพื้นที่ลงมาดู ก็ขอฝากขอบคุณช่อง 7HD ที่ให้นักข่าวมาทำข่าวเพื่อตีแผ่ให้ได้เห็นความจริงของประชาชนที่เดือดร้อน
นายกวินพัฒน์ วีระพันธุ์ ปลัดอำเภอห้วยเม็ก บอกว่า รอบที่แล้วที่คุณเบญญาภาได้ร้องไปทางศูนย์ดำรงธรรม ท่านนายอำเภอก็ได้มอบให้หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ พร้อมกับทางเทศบาล, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดก็ได้ออกมาดูเรื่องร้องเรียน ก็เห็นหลักเกณฑ์ที่ร้องว่าบ้านหลังนี้จะยกคืนให้น้อง แล้วจะไปสร้างบ้านหลังใหม่ทั้งหลัง ซึ่งตอนนี้ที่อำเภอดูหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ร้องฯยังคงมีร่างกายที่ดี อายุไม่เยอะ ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ในกลุ่มเปราะบาง หลักเกณฑ์ที่จะช่วยเหลือสร้างบ้านก็คงจะยังทำไม่ได้ในตอนนี้ กรณีที่บ้านได้รับผลกระทบจากวาตภัยตั้งแต่ปี 58 ที่ถามเบื้องต้นทางเทศบาลได้มาช่วยเหลือ ซึ่งตอนนั้นคุณเบญญาภาไม่อยู่ ไปทำงานที่บุรีรัมย์ ซึ่งเทศบาลมาช่วยเหลือวัสดุอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นไม้ โครงหลังคา แผ่นสังกะสี ให้น้องชายมาต่อเติมซ่อมแซม แล้วต่อเติมมาเรื่อย ๆ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าบ้านหลังนี้จะยกให้น้องชาย
ปลัดอำเภอห้วยเม็กบอกอีกว่า รอบที่แล้วที่มาช่วงเดือนมีนาคม เห็นว่าลูกสาวคุณเบญญาภาเรียนอยู่โรงเรียนห้วยเม็กวิทยาคม เป็นเด็กเรียนดี ได้เกรดเฉลี่ย 3. กว่าตลอด ทางอำเภอก็ไม่นิ่งนอนใจ ก็เลยทำหนังสือไปทางผู้อำนวยการโรงเรียน ทาง ผอ.ก็เลยเรี่ยไรเงินจากครูมาช่วยเหลือ เป็นเงินทั้งสิ้น 5,900 บาทในเบื้องต้น พอเปิดเทอมทาง ผอ.ก็จะมีงบประมาณมาให้ทุนการศึกษาอีกครั้งหนึ่ง ทางอำเภอยังได้ทำหนังสือไปยังมูลนิธิพระธาตุพนมจำลอง โดยท่านเจ้าคณะอำเภอก็คงจะพิจารณาให้ทุนการศึกษาเพิ่มเติมแก่เด็กอีก ส่วนอาชีพที่จะยั่งยืนต่อไปที่ได้พูดคุยกันกับเจ้าตัว ก็จะสอนอาชีพทำขนม อย่างเช่นขนมดอกจอก ขนมอะไรที่ไม่ต้องยกของหนักเกินไป เนื่องจากหมอนรองกระดูกทับเส้น สายตาไม่ค่อยดี จะได้มีอาชีพเบาๆ ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายด้วย ทาง ผอ.โรงเรียนก็บอกว่าพอทำเสร็จก็ให้ลูกสาวเอาไปที่โรงเรียน คุณครูก็จะได้ช่วยกันซื้อช่วยกันอุดหนุน ขายที่โรงเรียนก็แทบจะไม่พอเพราะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ทางอำเภอก็จะประสานงานจะช่วยเหลือเบื้องต้นประมาณนี้
ด้านนายชินกรณ์ แก้วรักษา ผู้อำนวยการโรงเรียนห้วยเม็กวิทยาคม บอกว่า หลังจากที่ท่านนายอำเภอห้วยเม็กได้ทำหนังสือมาที่โรงเรียนห้วยเม็กวิทยาคม ในเรื่องขอให้โรงเรียนได้สนับสนุนเงินทุนการศึกษาให้กับ ด.ญ.กานต์พิชชา ปานกุล ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ทางโรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็ได้เอาเรื่องเข้าที่ประชุมนำแจ้งต่อคณะครูทุกท่าน ว่าเด็กนักเรียนในโรงเรียนของเรามีสภาพความเป็นอยู่ยากลำบาก มีผลการเรียนที่ดี ประพฤติตัวดีมาตลอด เบื้องต้นก็ระดมทุนจากคณะครูมาช่วยเหลือ เป็นเงิน 5,900 บาท ส่วนแนวทางต่อไปที่จะดูแลนักเรียนก็คือโรงเรียนมีทุนปัจจัยพื้นฐานยากจนให้อยู่แล้ว ซึ่งเราได้ทำให้กับลูกๆ นักเรียนทุกคน โดยมีคณะครูออกมาเยี่ยมบ้าน แล้วก็รายงานข้อมูลต่อไป อีกช่องทางก็คือการสร้างรายได้ในโรงเรียน ซึ่งคุณแม่ก็มีความสามารถในการทำขนมอยู่แล้ว ก็ได้คุยกับคุณแม่ว่าให้เอาขนมฝากลูกไป โรงเรียนก็จะมีช่องทางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการฝากไว้ที่สหกรณ์ร้านค้า หรือเพื่อนๆ นักเรียนให้การสนับสนุน ตรงนี้ก็จะเป็นการสร้างรายได้ที่ยังยืนให้กับเขาต่อไป ส่วนแนวทางอื่นๆ มีทุนการศึกษาโรงเรียนก็จะพยายามดูแลทุกช่องทางที่จะช่วยเหลือ
น.ส.สมพาน ภูสมจิตร ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยเม็ก ม.13 กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากนายอำเภอว่าลูกบ้านได้รับความเดือดร้อน อย่างเช่นเรื่องไฟฟ้าจะถูกตัดก็จะแจ้งไปยังผู้จัดการไฟฟ้า โดยให้เข้าไปที่สำนักงานก็พบว่ามีการค้างจ่ายเป็นปี จำนวนหลายพันบาท ทางการไฟฟ้าก็ให้ผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนได้ ส่วนความเดือนร้อนที่บอกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ทางนายอำเภอสุเทพก็ได้มาลงพื้นที่ช่วยเหลือเรื่องการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว และได้ช่วยเหลือประสานงานเรื่องต่างๆ ที่ลูกบ้านรายนี้ได้ร้องเรียนไปตามหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ตลอด ไม่ได้ทอดทิ้ง
นายสิทธิพร โอฆะพนม หัวหน้าสำนักปลัด รักษาราชการ ปลัดเทศบาลตำบลท่าลาดดงยาง ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีตำบลท่าลาดดงยาง ตัวแทนทางเทศบาลตำบลท่าลาดดงยางบอกว่า คงจะเป็นการเข้าใจผิดกันว่าสร้างบ้านแล้วไม่ได้บ้าน คือตอนนั้นทางเทศบาลได้ประสานกับทางอำเภอ ในปี 58 ว่าคุณเบญญาภาไม่มีที่อยู่อาศัย ตอนนั้นก็ได้ประชุมปรึกษาหารือกับทางอำเภอ ทางนายอำเภอสมัยนั้นเป็นนายอำเภอวัลลภ ก็ได้ร่วมกับทางผู้นำชุมชนในเขตอำเภอห้วยเม็ก ว่าให้ช่วยให้คุณเบญญาภามีที่อยู่ ทางเทศบาลจึงได้ร่วมกันสมทบวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง พร้อมกับแรงงานจากเทศบาล และผู้นำชุมชนมาสร้างให้เขาอยู่ ต่อมาในปีเดียวกันเขาบอกว่าบ้านประสบวาตภัย ทางเทศบาลก็ออกมาช่วยได้ตามระเบียบ โดยช่วยในส่วนสังกะสีมุงหลังคาส่วนบน หลังจากนั้นทางเทศบาลท่าลาดดงยางก็ได้ติดตามมาตลอด โดยประสานกับทางพัฒนาชุมชนจังหวัดในการของบประมาณในการดำรงชีพ ก็นำมามอบให้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในอนาคตเราก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ก็ดูแลอยู่ กำลังประสานกับทางพัฒนาชุมชนจังหวัดว่าจะขอเงินในการดำรงชีพให้อีกได้หรือไม่ ทางพัฒนาชุมชนได้บอกว่าสามารถขอได้ปีละ 1 ครั้ง ส่วนการส่งเสริมอาชีพเราก็จะหางบประมาณมาให้ เพราะเป็นหน้าที่ของทางเทศบาลอยู่แล้ว อาจจะไม่ทันภายในวันสองวันก็ขอเวลานิด เราไม่ได้ทอดทิ้งประชาชนในเขตดูแลของเราอยู่แล้ว