กาฬสินธุ์ ผู้การกาฬสินธุ์รับเรื่องแล้ว เหตุตั้งด่านอำนวยการจราจรประชาชนจนเกิดเป็นข่าวดัง
กาฬสินธุ์ จากเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ชาวบ้านไม่ยอม ขอพึ่งนักข่าวและทนาย 9 บาท หลังถูกตำรวจกาฬสินธุ์ จับใส่กุญแจมือชาวบ้านหลังมีปากเสียงกันที่ด่านจราจรเส้นกาฬสินธุ์-สมเด็จ ถูกตำรวจด่านบุพการีแถมเปิดหมัดก่อนแต่โยกหลบหมัดได้ถึง 2 ครั้ง จึงสวนกลับ 1 หมัดเข้าหน้าจนหมวกกันน็อคแตก หลังจากนั้นเกิดชุลมุนกลุ่มตำรวจรุมจับเอามือไขว้หลังกดหัวแล้วเตะซ้ำเข้าปลายคางจนได้รับบาดเจ็บ ลั่นไม่ยอมความเพราะถูกเปิดก่อน ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ตุลาคม 2568) ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับการประสานงานจากผู้เสียหาย ที่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง เพราะตำรวจตั้งข้อหาหนักในความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผู้เสียหาย ได้เดินทางพร้อมภรรยาและทนาย 9 บาท เข้าสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขอให้ตรวจสอบกล้องประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม และเพื่อใช้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ โดยท่านผู้การฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ มารับเรื่องและให้นำภาพจากกล้องส่งให้พิจารณาภายในวันนี้ พร้อมยืนยันทุกอย่างต้องโปร่งใส เพื่อความถูกต้องของการปฏิบัติหน้าที่
หลังจากนั้นผู้เสียหายได้พาทนายและผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ถนนกาฬสินธุ์-สมเด็จ บ้านคำเม็ก หมู่ 4 ตำบลไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ใช้เป็นจุดตรวจอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนมานานแล้ว แต่ก็เพิ่งเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ที่ทำให้ชาวโซเชียลให้ความสนใจติดตามข่าวเรื่องนี้จำนวนมาก
คุณโต้ง นายเทพประธาน หารฤทธิ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 ม.4 ต.ไผ่ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วานนี้ตนเองได้ขับรถมาจากเขียงเนื้อตนเองที่อยู่สี่แยกบ้านนาจารย์ พอมาถึงจุดตรวจตรงนี้ก็ได้จอดรถให้นายด่านคนแรกตรวจเอกสารทุกอย่าง ก็มีครบหมด ตำรวจคนนั้นก็โบกมือให้ไปได้ ก็เลยเปิดสัญญาไฟเลี้ยวเข้าบ้านคุณแม่ แต่ไปเจอนายด่านหรือหัวหน้าชุดคือพี่สมทรงที่เคยเตะบอลด้วยกัน เลยลดกระจกลงแล้วสวัสดี หลังจากนั้นมีตำรวจชื่อจ่าบอยวิ่งตามรถมาว่าตนเองหนีด่าน ก็เลยพูดดี ๆ บอกว่าจะเข้าบ้าน แล้วตำรวจคนนั้นก็ว่าตนอ้างนู่นอ้างนี้ แล้วมาด่าว่า “โคตรพ่อมึงเอ้ย” ที่ได้ยินเต็ม 4 หูพร้อมเมีย ก็เลยเปิดประตูลงมาถามว่าทำไมถึงใช้วาจาอย่างนี้กับประชาชน ซึ่งมันไม่เหมาะสม คำว่าพ่อเคารพไว้เหนือหัว หลังจากนั้นก็ได้ประทะคารมกัน จนมีเรื่องดังกล่าว จึงขอดูกล้องจากตำรวจ แต่ได้รับคำตอบว่ากล้องทำงานไม่ได้ ทำงานได้ตัวเดียว เห็นเฉพาะภาพตนเองชกป้องกันตัวเท่านั้น วันนี้รู้สึกดีที่ท่านผู้การให้คำสอนหลาย ๆ อย่าง ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
ด้านทนายจิมมี่ นายกฤษฎา เวียงวะลัย หรือฉายา ทนาย 9 บาท เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่านผู้การ ก็ทราบดีว่าท่านเป็นคนมีจิตใจเป็นธรรม หลังจากได้ไปยื่นหนังสือก็รู้สึกว่าจะได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ และท่านก็ได้สั่งให้ตรวจสอบกล้องประจำตัวตำรวจทุกนายในด่านในเวลาเกิดเหตุ ก็คิดว่าข้อเท็จจริงอยู่ที่กล้อง ทุกอย่างก็จะเปิดเผย ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน เคสนี้คิดว่าหากเกิดจากความคิดเห็นที่ไม่เข้าใจกัน น้องเขาก็พร้อมที่จะให้อภัยกับนายตำรวจคนนั้น