เมื่อรักนำโรค ใต้เงาสถิติที่สังคมเลือกจะเงียบ

เมื่อรักนำโรค ใต้เงาสถิติที่สังคมเลือกจะเงียบ

ณ ปีพุทธศักราช 2568… ประเทศไทยยังคงเดินหน้าใต้แสงไฟแห่งโลกดิจิทัล ทว่าในเงามืดของสังคมกลับปรากฏ “เงาโรค” ที่เติบโตไม่แพ้กัน

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคล่าสุดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ ซิฟิลิสมีผู้ป่วยสะสมกว่า 25,469 ราย HIV พบผู้ติดเชื้อสะสมสูงถึง 26,053 ราย

เบื้องหลังตัวเลขเหล่านี้คือปัญหาที่ฝังรากลึก — เมื่อวัยรุ่นไทยเริ่มมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยที่อายุ 16.5 ปี ขณะที่การใช้ถุงยางอนามัยยังไม่ถึงครึ่ง

กรุงเทพมหานคร ครองอันดับหนึ่งทั้งซิฟิลิสและ HIV ตามมาด้วยชลบุรี นครราชสีมา สมุทรปราการ และเชียงใหม่ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ พฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การใช้แอปพลิเคชันหาคู่ และการไม่ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ วัยรุ่นอายุ 15-29 ปี คือกลุ่มเสี่ยงสูงสุด

ซิฟิลิส หากไม่รักษาอาจลุกลามสู่ระบบประสาท HIV หากไม่รักษาจะนำไปสู่เอดส์ หนองในแท้ หนองในเทียม เริม และหูดหงอนไก่ โรคเหล่านี้ยังคงระบาดและเสี่ยงทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือมะเร็ง

วัยรุ่นหลายคนยังคงมองการใช้ถุงยางเป็นเรื่องน่าอาย “เสียอารมณ์” “แฟนไม่ชอบ” “กลัวเพื่อนล้อ” คือเหตุผลที่ยังได้ยินบ่อยครั้ง โลกออนไลน์พาให้ความสัมพันธ์ทางเพศเกิดขึ้นเร็วและง่ายกว่าที่คิด แต่การรับรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กลับเดินช้ากว่ามาก

การป้องกันโรคเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือเรื่องของโครงสร้างสังคม โรงเรียนต้องพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถุงยางอนามัยต้องกลายเป็นสินค้าพื้นฐาน ไม่ใช่ของต้องซ่อน และทุกคนต้องเลิก “อาย” ในสิ่งที่ปกป้องชีวิต

ใต้เงาสถิติที่เพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ใช่แค่ตัวเลข… แต่คือ “ชีวิตจริง” ที่ถูกซ่อนในความเงียบ เมื่อสังคมยังไม่พูดถึงปัญหา โรคจะเดินหน้าก่อนเราเสมอ

ข้อมูลจาก https://themainstream.news/thailand/13807/