• พุธ. ธ.ค. 4th, 2024

ปลานิลน็อคตายในกระชังในเขื่อนลำปาว ล่าสุดพบทยอยตายเกลื่อนกว่า 200 ตัน

กาฬสินธุ์ ที่เฟสบุ๊ก “เฮียมูล เพชรฆาตเขื่อนลำปาว” ได้โพสรูปภาพพร้อมข้อความว่า #แจ้งข่าว 30/10/67 ด่วนๆ ให้ฟรีเอาไปทำปลาแดก ติดต่อคุณ กิตติพันธุ์,ลำดวน บ้านหนองบัวชุม อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ โทร.090-978-6688 พิกัด https://maps.app.goo.gl/EjKRjmRa2paUBkVz9?g_st=al ซึ่งพบว่าในภาพเป็นฝูงปลานิลลอยหงายท้องตายเกลื่อนเป็นแพยาวเต็มกระชัง ลอยตายเต็มกระชังสุดลูกหูลูกตา ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียล ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงสอบถามว่าให้ฟรีจริงหรือเปล่า บางคนก็โพสต์ให้กำลังใจกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลในกระชัง โดยคุณกิตติพันธุ์ เจ้าของกระชังปลารายหนึ่งเปิดเผยว่า มูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ เฉพาะรายเดียวของคุณกิตติพันธุ์ คิดจากราคาต้นทุนปลา กก. ละ 62 บาท กับจำนวนปลาในกระชังประมาณ 30 ตัน หรือ 30,000 กก. รวมเป็นเงินแล้วจำนวนมากถึง 1,860,000 บาท ซึ่งได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (30 ต.ค. 2567) เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหนองบัวชุม หมู่ที่ 9 ต.หนองหิน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พบมีชาวบ้านที่ทราบข่าวว่ามีการแจกปลานิลที่น็อคน้ำฟรี มาจอดรถต่อแถวเป็นคิวยาว และยังมีการจำหน่ายปลานิลที่ยังไม่ตายราคาต่ำกว่าต้นทุนจากราคาปกติกิโลกรัมละ 70-80 บาท เหลือเพียง 40 บาทเท่านั้น โดยแม่ค้าส่วนหนึ่งก็นำอุปกรณ์แร่ปลามาทำปลาหมักถึงที่ เพื่อนำเกลือคลุกเคล้ากับเนื้อปลาป้องกันปลาเน่าเสีย เพื่อนำไปแปรรูปเป็นปลาส้ม, ปลาร้า เพิ่มมูลค่าจากปลาที่ตายแล้วสร้างรายได้อีกทาง

นายนชาพงษ์ ภูจอมขำ (สวมเครื่องแบบสีกากี) ปลัดอาวุโสอำเภอหนองกุงศรี กล่าวว่า หลังจากทางอำเภอได้รับการแจ้งประสานจากพื้นที่ว่ามีปลาในเขื่อนลำปาวเสียหายกับพี่น้องที่เลี้ยง ท่านนายจารุวัตร ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี ก็ได้สั่งการให้ท่าปลัดป้องกันพร้อมสมาชิก อส. ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงในพื้นที่รอบเขื่อนไปเบื้องต้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ วันนี้ท่านนายอำเภอหนองกุงศรี ได้มอบหมายให้ผมปลัดอาวุโสและท่านประมงอำเภอ มาประสานข้อมูลสำรวจความเสียหายเบื้องต้น เหนือสิ่งอื่นใดในการบรรเทาและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย ตอนนี้ความเสียหายก็อยู่ที่กลุ่มวิชาการประมงอำเภอสำรวจความเสียหาย เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

นายนชาพงษ์ ภูจอมขำ ปลัดอาวุโสอำเภอหนองกุงศรี กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้สำรวจทุกกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลในกระชัง ทั้งที่มาจากอุดรธานี และกลุ่มของกาฬสินธุ์ เมื่อวานนี้เสียหายกว่า 200 กว่าตัน ส่วนการเยียวยาก็จะเป็นไปตามระเบียบ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการสำรวจกลุ่มผู้เลี้ยงกับบริษัทและกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนกับทางประมง โดยรายละเอียดทางประมงจะทำการสำรวจอย่างละเอียดต่อไป

นางกฤษณา เขามีทอง (สวมเสื้อกั๊กสีดำ) ประมงอำเภอสหัสขันธ์ (รับผิดชอบอำเภอสหัสขันธ์, อำเภอหนองกุงศรี และอำเภอคำม่วง) กล่าวว่า จากที่เกษตรกรได้แจ้งมาว่ามีปลาตายอย่างเฉียบพลัน ทางประมงก็ได้ลงพื้นที่มาสอบถามว่าสาเหตุเกิดจากอะไร โดยวันที่เกิดเหตุเราเห็นสภาพอากาศว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว มีปริมาณออกซิเจนในน้ำก็ค่อนข้างที่จะต่ำอยู่แล้ว แต่ยังไม่ฟันธงว่าเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่สาเหตุของการตายของปลาคือการขาดออกซิเจนโดยเฉียบพลันอยู่แล้ว แต่การขาดออกซิเจนโดยเฉียบพลันคือในพื้นที่จะต้องมีปลาขึ้นมาลอยหัวทั้งหมดอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่เราเจอตอนนี้ก็คือมีปลาเฉพาะบางส่วนเท่านั้นที่ขึ้นมาลอยหัว ซึ่งในส่วนที่ขึ้นมาลอยหัวเห็นว่ามีมวลน้ำสีน้ำตาลลอยมา ทำให้ปลาขึ้นมาลอยหัวและตายอย่างเฉียบพลัน ส่วนจำนวนเกษตรกรที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่บ้านหนองบัวชุม ฝั่งอำเภอหนองกรุงศรี เมื่อวานนี้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 5 ราย และยังมีเกษตรกรที่ได้รับใบอนุญาตฝั่งอำเภอวังสามหมอ จ.อุดรธานี อีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ ส่วนวานนี้ที่ได้ทำการสำรวจเบื้องต้นก็พบว่ามีจำนวนปลาน็อคตายประมาณ 60 ตัน ส่วนวันนี้ก็ได้มาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเพราะมีปลาทยอยน็อคตายได้รับความเสียหายอีก และได้แจ้งเกษตรกรแล้วว่าให้มีการเฝ้าระวังการขาดออกซิเจนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ให้เกษตรกรที่มีปลาให้ตรวจสอบมวลน้ำสีน้ำตาล ถ้ามีมวลน้ำสีน้ำตาลเข้ามาก็ให้รีบเคลื่อนย้ายกระชังปลาและให้เปิดเครื่องตีน้ำตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

นางบุญโฮม จิตจักร (สวมเสื้อวอล์มสีกรมท่าใส่หมวก) อายุ 58 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทราบข่าวจากผู้เลี้ยงปลาในกระชังว่าปลาตาย ได้ยินข่าวจากมีคนไปหาปลาว่าได้กลิ่นน้ำเหม็นลอยมา ผ่านมาแค่วันสองวันปลาก็น็อคตาย ก็เป็นเพียงการสันนิษฐานเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่ามวลน้ำมาจากไหน ต้องเป็นหน้าที่ของทางประมงที่ต้องตรวจสอบต่อไป

นายชัยชนะ คำนนท์ (สวมเสื้อสีน้ำเงินแขนยาว ใส่หมวก) อายุ 25 ปี ชาวบ้านท่าเรือ ต.ภูสิงห์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ทราบข่าวว่ามีปลาน็อคจากทางเฟสบุ๊ก ว่ามีการแจกปลานิลน็อคน้ำตายฟรีๆ ก็เลยมาเอาปลาไปไว้ทำปลาเค็ม ทำธุรกิจต่อยอด ต้องขอบคุณเจ้าของปลาที่มอบปลาให้ฟรี วันนี้ก็จะขอปลาไปประมาณ 1 ตัน เอากลับไปทำปลาเค็มไว้แล้วก็จะมีคนมารับซื้อไปขายอีกที ส่วนปลาที่นำกลับไปแปรรูปก็คิดว่าเป็นปลาน็อคธรรมชาติ ไม่คิดว่าจะมีสารเคมีเจอปน

อย่างไรก็ตามจากวานนี้มีปลานิลในกระชังน็อคตายไปกว่า 60 ตัน ล่าสุดข้อมูลเบื้องต้นของยอดปลาที่ทยอยน็อคตายเพิ่มเป็น 200 ตัน ทำให้เกิดยอดความเสียหายไปแล้วไม่น้อยกว่า 12,400,000 บาท (คำนวณจากราคาปลา กก.ละ 62 บาท)

ขอบคุณข้อมูลจากเฟสบุ๊ก “เฮียมูล เพชรฆาตเขื่อนลำปาว”

ตระกูล ภูพวงเพชร /รายงาน
www.kalasinnews.com