กาฬสินธุ์ ชื่นชมหนุ่มนักเรียนนอก ทุ่มเทจนผ่านวิกฤติโควิด พัฒนาจากคาเฟ่ต์เป็นเมืองในฝัน
กาฬสินธุ์ ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรป หนุ่มชาวกาฬสินธุ์มีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศแถบยุโรปเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์ชีวิตในเมืองนอก หอบเอาองค์ความรู้กลับบ้านเกิด เริ่มจากคาเฟ่ต์เล็ก ๆ ที่เริ่มก่อสร้างเมื่อ 8 ปีที่แล้ว พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันยิ่งใหญ่อลังการเป็นเหมือนเมืองในฝันในเทพนิยาย
นายขวัญชัย ปรีดี ผู้ก่อตั้งบ้านนานาชาติเปรมปรีดี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “ตนเองเป็นคนกาฬสินธุ์แท้ๆ เกิดที่นี่ โตที่นี่ แต่ได้มีโอกาสได้ไปเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ วันนี้ได้กลับมาสร้างหมู่บ้านนานาชาติที่นี่ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2560 ได้ทำงานเป็นจิตอาสาที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จึงได้ระดมทุนเหล่าจิตอาสาที่ทำงานร่วมกัน ได้ร่วมกันทำบุญสร้างหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อจัดกิจกรรมสอนภาษาอังกฤษที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกิจกรรมหลัก ให้เยาวชนได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งก่อนอื่นเราต้องยอมรับความจริงที่ปัจจุบันเราเห็นเด็กทั่วโลกใช้ชีวิตอยู่กับโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราก็ไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี เพียงแต่ว่าเราอยากเห็นเด็กและเยาวชนได้มีกิจกรรมอยู่ในธรรมชาติ ได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานต่าง ๆ ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักสวนครัว การทำอาหาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น และเคารพธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราอยากทำ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ภาษาที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการศึกษาไทยส่วนใหญ่จะเรียนในห้องเรียนเป็นหลักก็จบ แต่ที่นี่เราอยากให้เด็กได้นำสิ่งที่เรียนแล้วนำมาใช้ในชีวิตจริง ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะมีประสิทธิผลมากกว่าการเรียนจบในห้องเรียนเท่านั้น”
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า ที่นี่เริ่มก่อตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อจัดกิจกรรมพัฒนาเด็กและเยาวชน ฝึกภาษาทำความดีใจวิถีพอเพียง ประมาณ ปี 2560 พอมาเจอวิกฤตโควิด เลยทำให้เราจะต้องข้ามวิกฤตโดยการมีคาเฟ่ต์ขึ้นมาในช่วงปี 2564 หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ พัฒนา เติบโตมาเรื่อย ๆ ด้วยนักท่องเที่ยวได้ให้โอกาส โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่กลับมาซ้ำ เราจึงได้นำผลประกอบการทั้งหมดมาพัฒนาที่นี่ จัดกิจกรรมเพื่อเยาวชน หรือทำประโยชน์ต่าง ๆ จนกระทั่งวันนี้เรียกได้มาที่นี่ราวกับอยู่ต่างประเทศ สวยงามขึ้น และตั้งใจจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ ให้ดีที่สุด ต้องขอถือโอกาสนี้ขอบคุณนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งตอนแรกทางเข้าไปถนนลูกรังด้วยซ้ำ แต่ก็ยังกลับมา ยังมาให้กำลังใจเราอยู่ ในวันที่เราลำบากมากในยุคแรกเริ่ม ก็ยังมีกำลังใจ จนกระทั่งในวันที่เราแข็งแรงสวยงามเติบโตขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้มีแบ็คอัพ ไม่ใช่ทายาทเศรษฐี ไม่ได้มีเงินก้อนอะไรเลย เราใช้เงินทุกบาททุกสตางค์จากที่นี่ การดูแลพัฒนาทั้งภาคมูลนิธิ การพัฒนาอาคารสถานที่ที่นี่ ให้สวยงามอย่างที่ทุกท่านเห็น
“ในส่วนของชั้น 2 นั้น เป็นที่ชมวิวภาพรวมของที่นี่ คอนเซ็ปต์ของที่นี่ทั้งหมดคือตัวเองเคยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ แต่ว่าเด็กไทยหรือโรงเรียนที่ยากจนที่มาร่วมกิจกรรมที่นี่ เขาอาจจะไม่ได้มีโอกาส จึงมีความคิดว่าถ้าทำให้เขาเหล่านั้นได้มีความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวต่างประเทศก็อยากทำ โดยข้างบนก็จะมีความคล้ายกับห้องโดยสารของเครื่องบิน คือก่อนที่เราจะไปต่างประเทศได้เราก็ต้องขึ้นเครื่องบิน แต่เครื่องบินของเราก็จะมีความเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้ จะเห็นว่ามีสีเขียวอยู่ในทุก ๆ ที่ เพราะคอนเซ็ปต์เราต่อจะให้เราพัฒนาตัวเองไปไกลแค่ไหน เราไม่อยากให้เยาวชนไทยหรือการศึกษาไทย ลืมพื้นฐานความเป็นเรามาจากธรรมชาติ เพราะสุดท้ายแล้วมนุษย์มีความสุขความสบายใจกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ต่อให้จะสร้างตึกสูงแค่ไหนก็ตาม มีเทคโนโลยียิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ธรรมชาติเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงความเป็นมนุษย์ แต่เทคโนโลยีถ้าเราไม่ระมัดระวัง เขาอาจจะทำให้เรากลายเป็น AI ทำให้เราเย็นชาขึ้น ความอบอุ่น ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ น้ำจิตน้ำใจ อาจจะลดลงได้ เพราะเทคโนโลยี สองอย่างนี้มันต้องไปคู่กัน เราปฏิเสธเรื่องเทคโนโลยีไม่ได้ โลกนี้มันพัฒนาไปเรื่อย แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องทิ้งธรรมชาติ ทิ้งถิ่นฐานความเป็นเรา มันต้องไปคู่กัน นั่นก็คือสิ่งที่ตั้งใจทำ โดยชั้น 2 ก็จะพิเศษมาก นอกจากจะมองเห็นอาคาร และสะพานของเราแล้ว จะมองทะลุไปจนถึงองค์พระมหาเจดีย์ วัดป่ามัชฌิมวาส ที่ห่างจากที่นี่ประมาณ 10 กิโลเมตร โดยหลวงปู่ฯ ก็เมตตาที่นี่ตั้งแต่ยังไม่มีคาเฟ่ต์ ท่านมาร่วมผ้าป่าในการสร้างห้องประชุม โรงอาหาร ท่านเมตตาที่นี่ ทำให้ได้เห็นทั้งสถาปัตยกรรมไทย และสถาปัตยกรรมยุโรปในสถานที่เดียวกัน จากการขึ้นไปชมข้างบนด้วย” นายขวัญชัยกล่าว
เจ้าของคาเฟ่ต์ยังพาเดินเข้าไปชมโดมการ์เด้นท์ เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบเข้ามาถ่ายภาพ และนอกจากนั้นจะเป็นจุดที่เด็กได้เข้ามาเรียนรู้ รูปร่าง รูปทรง สีสัน คาแร็กเตอร์ต่าง ๆ ของใบไม้ที่หลากหลายในโลกนี้ ใบไม้ไม่ได้มีแค่สีเขียว ไม่ได้มีแค่ขนาดใหญ่หรือเล็ก มีลายฉลุบ้าง มีหลายสีในใบเดียวบ้าง สิ่งเหล้านี้เป็นหนึ่งในบทเรียนของเด็กในธรรมชาติ ถ่ายทอดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภายใต้สวนพฤกษชาติเล็ก ๆ ที่เราจำลองขึ้นมาเพื่อให้เด็กได้เข้ามาเรียนรู้ตรงนี้
เชิญชมบรรยากาศที่สวยงาม และความตั้งใจดี ๆ ของผู้ก่อตั้งได้ซ่อนไว้อยู่ ได้ที่บ้านนานาชาติเปรมปรีดี (Prampredee International Eco Village) ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 401 หมู่ 16 บ้านทุ่งสว่าง ตำบลลำพาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โทรศัพท์: 099 442 4263 หรือติดต่อได้ที่เพจ “บ้านนานาชาติ Coffee & English Camp” ร้านกาแฟเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.30 น. และขอแนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท่านจะได้ชมภาพบรรยากาศที่สวยงามเป็นพิเศษด้วย จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมทำความดี มีความสุข กับเราได้ที่บ้านนานาชาติเปรมปรีดี
ปิดท้ายด้วยเจ้าของร้านคาเฟ่ต์ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษสไตล์บ้านนานาชาติ
ตระกูล ภูพวงเพชร /รายงาน
www.kalasinnews.com