กาฬสินธุ์ ตำรวจไซเบอร์ขยายผลจับเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่ เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
กาฬสินธุ์ ปล่อยให้รวยอู้ฟู่กว่า 5 ปี แล้วรวบแบบเลือดเย็น เป็นผลงานของตำรวจไซเบอร์ที่ได้ทำการขยายผลจับกุมเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่กาฬสินธุ์ รวบผู้ร่วมขบวนการฟอกเงิน 2 ราย นำเงินไปฟอกเปิดตลาดกลางคืน สนามฟุตบอลหญ้าเทียม ร้านกาแฟ คลินิกเสริมความงาม และร้านอาหาร พบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (กก.4 บก.สอท.3) ได้ดำเนินการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีหวยออนไลน์รายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จับกุมผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีก 2 ราย โดยพบหลักฐานการฟอกเงินผ่านการลงทุนในกิจการต่าง ๆ และตรวจพบเงินหมุนเวียนรวมกว่า 100 ล้านบาท
ผลงานการปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่สายตรวจไซเบอร์ กก.4 บก.สอท.3 ตรวจพบบัญชีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับการรับส่งโพยหวยออนไลน์ จนนำไปสู่การจับกุมตัว น.ส.มนันยา หรือแยม อายุ 31 ปี ได้เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนขยายผล โดยใช้ข้อมูลจากแชทเฟสบุ๊ก แชทไลน์ และตรวจสอบเส้นทางการเงิน กระทั่งพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง น.ส.สุดาภรณ์ หรือยุ อายุ 35 ปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้ามือหวยรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จากพฤติกรรมของ น.ส.สุดาภรณ์ ซึ่งมักโพสต์สลิปโอนเงินตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนลงในสื่อโซเชียล เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและพบว่ามีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายดังกล่าวมากกว่า 20 ล้านบาท ก่อนจะเข้าจับกุมตัวและตรวจยึดทรัพย์สินของกลางรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมานั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลการสืบสวนพบหลักฐานเพิ่มเติมที่เชื่อมโยงไปถึง น.ส.ปรียาลักษณ์ หรือเนย อายุ 29 ปี และ นายตระการ หรือ ต้น อายุ 41 ปี ซึ่งมีพฤติกรรมนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินรูปแบบต่างๆ เพื่อซุกซ่อนและปกปิดแหล่งที่มา โดยเปิดดำเนินกิจการและลงทุนในธุรกิจหลากหลาย อาทิ ตลาดกลางคืน สนามฟุตบอลหญ้าเทียม ร้านกาแฟ คลินิกเสริมความงาม และร้านอาหาร จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของทั้งสองราย พบว่ามีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาทในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ออกหมายจับเพิ่มเติม นำโดย พ.ต.ท.มิตร คนชุม และ พ.ต.ท.วินัย สุโขพืช รองผู้กำกับการ กก.4 บก.สอท.3 พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ ค.256/2568 ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2568 เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสองรายในพื้นที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เบื้องต้นไม่พบตัวผู้ต้องหาในบ้านหลังดังกล่าว แต่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินซึ่งเชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิด อาทิ รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองราย ได้แก่ น.ส.ปรียาลักษณ์ และนายตระการ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ณ ที่ทำการ กก.4 บก.สอท.3 จังหวัดขอนแก่นแล้ว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสองรายในความผิดฐาน “จัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (หวยออนไลน์) ในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” และ “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำการฟอกเงิน”
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพเฉพาะข้อกล่าวหาการจัดให้เล่นหวยออนไลน์ และให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาการสมคบฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี