กาฬสินธุ์ ร้องสื่อ ถูกนายกเรียกรับเงินแลกเข้าทำงานที่เทศบาลตำบลสงเปลือย
กาฬสินธุ์ จากกรณีมีการโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กผู้ใช้บัญชีรายหนึ่ง ในวันที่ 3 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมาว่า “นายกเทศบาล สป นม กส. มีหนาวเรียกรับเงินแลกเอาคนเข้าทำงานเทศบาล” ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่แบบสาธารณะ ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ความคิดเห็นส่วนใหญ่บอกว่า มีทุกที่ แค่ผลประโยชน์ลงตัวก็เงียบ ส่วนหนึ่งยังได้แสดงความคิดเห็นว่า ถ้ามีหลักฐานต้องปราบให้หมด, เคยมีทางบ้านครับ ภาระกิจเอา2แสน, เยอะมากค่ะขนาดพนักงานเก็บขยะยังเรียกตั้ง 10,000-15,000 เราคิดว่าเลือกเข้ามาทำงานเพื่อทำให้ประชาชนที่ยากไร้อยู่ดีกินดีขึ้นแต่กับขูดรีดคนที่ด้อยกว่า, ก็ปกตินะครับอาจารย์
และบางส่วนยังบอกว่าให้ยุบเทศบาล อบต. รวมกัน เพราะทำงานซ้ำซ้อนกัน
ล่าสุดวันนี้ (5 ส.ค. 2568) นายพิทยา ได้นำเอกสารแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ มาให้ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ยื่นเอกสารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อขอความเป็นธรรม ร้องมาตรา 149 และ 157
นายพิทยา อายุ 52 ปี ชาวตำบลสงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 เวลาประมาณ 08.30 น. นายพิสันต์ ได้เรียกรับเงินกับตนเพื่อแลกกับการเข้าทำงานในเทศบาล เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ตนเองและภรรยาจึงได้ไปถอนเงินสดมาจำนวน 11,000 บาท และได้นำเงินทั้งหมดใส่ซองไปให้ หลังจากนั้นจึงคิดได้ว่าให้เกินไป 1,000 บาท เพราะเงินที่ถอนเกินมาจะเอาไปจ่ายค่าบัตรเครดิต จึงได้ทักผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อขอเงินส่วนที่ให้เกินไปคืนตามภาพแคปหน้าจอ
นายพิทยา กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของนายพิสันต์ ถือเป็นการเรียกรับเงินตามมาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาลเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาท หรือประหารชีวิต และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องละวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เพื่อไม่ให้เป็นการฟังความข้างเดียว ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลสงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ เพื่อพบกับนายพิสันต์ นายกเทศมนตรีตำบลสงเปลือย เพื่อให้ได้ชี้แจงมูลเหตุของเรื่องดังกล่าวให้แก่สาธารณะชนที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ได้รับทราบข้อเท็จจริงอีกด้าน
นายพิสันต์ นายกเทศมนตรีตำบลสงเปลือยกล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือเขากล่าวหาเราฝ่ายเดียว พูดในสิ่งที่เขาต้องการ เขาเคยเป็นสมาชิกในทีมงานแล้วอยากเข้ามาทำงาน อยากดึงเพื่อนเข้ามาทำงานช่วย แต่กลับเข้ามาสร้างปัญหา ก็เลยไม่ให้ทีมงานเขาเข้ามาทำงานเขาก็เลยไม่พอใจ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหากลับ ถือว่าทำให้เราเสียหาย ใช้วิธีการที่ผิดมากล่าวหา วันที่เกิดเหตุก็ขึ้นมาบุกถึงสำนักงาน อัดคลิปไว้เพื่อนำไปโจมตี ส่วนหลักฐานเรื่องการเรียกรับเงินก็ไม่เคยมี เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ขึ้นมาเพื่อทำให้เราเสียหาย
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่รับเรื่องนี้ จะได้เรียกคู่กรณี 2 คนนี้เข้ามาสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และน่าจะสรุปสำนวนเรื่องนี้ได้ภายใน 1-2 เดือน