• พฤหัส. ธ.ค. 12th, 2024

กาฬสินธุ์ หลานอำมหิต ฆ่ายายแท้ๆ หมกยัดท่อหลังบ้าน

เหตุสลดเช้านี้ เกิดขึ้นที่คุ้มอีสานเหนือ ที่บ้านเลขที่ 76 ต.ภูปอ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่บ้านของนางคำพร คำยุธา (ยายเขียว) อายุ 76 ปี ผู้ตาย สภาพศพถูกแทงหลายแผล นอนตายอยู่ในท่อปูนหลังบ้านของตัวเอง ซึ่งคนร้ายผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหลานแท้ๆ ที่ป่วยเป็นจิตเวช ยังไม่ปริปากรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าด้วยตัวเอง ได้แต่นั่งเหม่อยิ้ม หลังจากฆ่ายายแล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติ

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้าควบคุมตัวคนร้าย ที่นั่งอยู่บนเถียงนาในไร่มันสำปะหลังด้วยสีหน้านิ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสอบถามชื่อ พูดจาหว่านล้อมด้วยข้อมูลต่าง ๆ นาๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม และระหว่างนั้น มีญาติผู้ตายได้เดินขึ้นมาบนเถียงนา ถือด้ามขวานขึ้นมาด้วย พูดว่า “มึงคือซั่วคักแท้” พอคนร้ายได้ยินก็ยังยิ้มหัวเราะเบาๆ ไปด้วย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นถ้าญาติคนนี้มาเจอก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจจะเป็นเหตุซ้ำซ้อนเกิดขึ้นก็ได้

นายอนุรักษ์ คำยุธา (เสื้อแดง) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (22 พ.ค. 2566) ตนเองได้โทร.ถามหลาน (คนร้ายป่วยเป็นจิตเวช) ว่าไม่เห็นคุณยายตั้งแต่เมื่อคืน ตกใจ เมื่อได้ยินเสียงตอบมาว่า “ไม่ต้องโทร.หรอก ผมฆ่ามันแล้วอยู่หลังบ้าน” ตนนึกว่าหลานพูดเล่น ก็เลยรีบเข้ามาดูที่บ้าน ก็พบว่าคุณยายได้กลายเป็นศพแล้ว สภาพนอนอยู่ในท่อปูนหลังบ้าน จึงได้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นหลานแท้ๆ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ป่วยเป็นจิตเวช ที่ทานยาเป็นประจำ

ซึ่งหลังจากได้รับรายงานการการก่อเหตุครั้งนี้ที่เป็นคดีสะเทือนขวัญ ทาง พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ก็ได้ลงพื้นที่ร่วมทำคดีเพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบต่อไปด้วย

เบื้อต้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมแพทย์เวรจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นพบมีบาดแผลถูกของมีคมแทงที่ร่างผู้เสียชีวิต จำนวน 6 แผล และจะได้ส่งศพไปชันสูติ ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนผู้ต้องหา นายเอกชัย อายุ 26 ปี คนร้ายผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ควบคุมตัวเข้าสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อสอบสวนถึงสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป