• อังคาร. เม.ย. 30th, 2024

ตำรวจกาฬสินธุ์ตามรวบเร็ว โจรแสบตะเวนวิ่งราวกลางวันแสกๆ เดือนเดียวก่อเหตุถึง 3 ครั้ง

เป็นภาพวงจรปิดที่จับเหตุการณ์ไว้ได้ นายพรชัย หรือกุ้ง อายุ 36 ปี คนร้ายที่ออกตระเวนวิ่งราวช่วงกลางวันแสกๆ แบบไม่เกรงกลัวกฎหมายในเขตอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยครั้งแรกนั้นได้ก่อเหตุในวันที่ 24 ม.ค. 2567 เวลา 10.45 น. ที่ชุมชนสงเปลือย ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ประกบข้างวิ่งราวเอากระเป๋าจากผู้เสียหายที่ขี่จักรยาน อีก 5 วันต่อมายังก่อเหตุอีกถึง 2 ครั้ง โชคดีได้หลักฐานจากภาพของกล้องวงจรปิดของชาวบ้านมาได้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามแกะรอยจนตามรวบตัวคนร้ายได้ในที่สุด

ส่วนคลิปจากกล้องวงจรปิดคลิปนี้ ที่จับภาพคนร้ายก่อเหตุในวันที่ 29 ม.ค. 2567 เวลา 09.26 น. ที่บ้านนาจารย์ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์โดยใช้เสื้อสีฟ้าโพกศีรษะเพื่อปิดบังใบหน้า ตามหลังผู้เสียหายไปประกบ หลังฉกกระเป๋าได้แล้ว คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี โดยมีผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ตามพร้อมกับร้องตะโกนว่า “โอ้ยคนลักเอากระเป๋าข่อย ซอยข่อยแหน่”

ล่าสุดช่วงบ่ายของวันนี้ (30 ม.ค. 2567) เวลาประมาณ 15.24 น. พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้สั่งการฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นำโดย พ.ต.ท.เศรษฐศักดิ์ ศรีดี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ,พ.ต.ต.ทรงศักดิ์ รัศมี สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ,ร.ต.อ.อารมณ์ เจริญสรรพ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมกำลังสืบสวน ทำการได้สืบสวนตามกล้องวงจรปิดในพื้นที่ จนทราบว่าเป็น นายพรชัย หรือกุ้ง อายุ 36 ปี ได้เข้าตรวจสอบพร้อมทำการจับกุมคนร้ายได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 16 ม.2 ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พบว่าเจ้าตัวรับสารภาพ จึงได้นำตัวพร้อมนำไปยึดของที่ใช้ก่อเหตุ และทรัพย์สินของผู้เสียหาย พบว่าทรัพย์สินบางส่วนเมื่อก่อเหตุแล้วจะนำทรัพย์สินที่ได้มาไปขายนำเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ ยังพบว่าคนร้ายรายนี้ประวัติผู้ต้องหา เคยต้องโทษ จำนวน 4 คดี 1.คดีที่ 220/2561 ข้อหา ครอบครองยาเสพติดฯ สภ.สมเด็จ , 2.คดีที่ 717/2561 ข้อหาลักทรัพย์ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ , 3.คดีที่ 28/2564 ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน สภ.กมลาไสย และ 4. คดีที่ 2/2565 ข้อหาครอบครองยาเสพติดฯ สภ.นากุง โดยการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ” ส่วนรถจักรยานยนต์ที่นำมาก่อเหตุ ก็เป็นรถที่ขโมยมาจาก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม และ ขโมยมาจากบ้านดงสวาง ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ จึงได้นำตัวคนร้ายมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดก่อเหตุ

โดยในช่วงเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมาคนร้ายได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกก่อเหตุที่ชุมชนสงเปลือย ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 24 มกราคม 2567 , ครั้งที่ 2 ก่อเหตุเกิดที่บ้านนาจารย์ ม.4 ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 29 มกราคม 2567 และครั้งที่ 3 ก่อเหตุเกิดที่บ้านนาจารย์ ม.9 ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในวันเดียวกัน (วันที่ 29 มกราคม 2567)

คุณยายปราณี วัย 65 ปี อาศัยอยู่ที่ชุมชนสงเปลือย ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า วันที่เกิดเหตุการณ์เป็นวันที่ 24 ม.ค. 2567 ตนเองได้ขับรถจักรยานกำลังจะกลับบ้าน ได้มีคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ตามมาประกบ แล้วถามว่าซอยคาราบาวอยู่ไหน ตนเองก็ยังไม่ได้ตอบ คนร้ายก็เข้ามาประกบติดแล้วก็ล้วงเอากระเป๋าที่อยู่หน้าตะแกรงจักรยานของตนไปเลย โดยในกระเป๋าใบนั้นมีเงินสดอยู่ 300 บาท กับโทรศัพท์มือถือ และยาแก้โรคเบาหวานอยู่ด้วย ซึ่งในหมู่บ้านหรือชุมชนแห่งนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถตามจับค้นร้ายที่ก่อเหตุมารับโทษได้ และขอบคุณเจ้าของภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีช่วยส่งภาพให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปเป็นหลักฐานจนจับคนร้ายได้ในที่สุด

ด้านคุณจำลอง บุปผาเดช อาศัยอยู่ชุมชนเดียวกันกับคุณยายปราณี เจ้าของบ้านที่ติดกล้องวงจรปิด บอกว่า วันที่เกิดเหตุได้ยินเสียงคุณยายร้องขอความช่วยเหลือ ก็เลยรีบไปเปิดดูกล้องวงจรปิด ก็พบเป็นภาพคนร้ายขับรถเบียดคุณยายเข้ามาริมกำแพงรั้วบ้านของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมาขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ก็เห็นรูปพรรณคนร้ายเฉพาะด้านหลัง เพราะกล้องส่องไปทางทิศตะวันตก แต่ก็พอเป็นรูปร่างคร่าวๆ จึงคิดว่ากล้องวงจรปิดมีความจำเป็นมากในชุมชน มีประโยชน์มาก เพราะถ้าใครมีบ้านที่อยู่ติดถนน หากมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ก็จะใช้เป็นหลักฐานยามมีเหตุได้เป็นอย่างดี การติดกล้องวงจรปิดก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลสังคมอีกด้วย โดยเฉพาะถ้ากล้องมีทั้งภาพและเสียงด้วย บันทึกได้ด้วยก็จะดีมาก