• พุธ. ธ.ค. 11th, 2024

AIS ขานรับนโยบาย กสทช. ลดผลกระทบประชาชนจากแก๊งมิจฉาชีพ เร่งแจ้งเตือน พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าที่ถือตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ยืนยันตัวตนได้ทั่วประเทศ

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ปัญหาการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามที่สร้างความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง เราเองมีความห่วงใยลูกค้าและประชาชนในประเด็นนี้อย่างยิ่ง ที่ผ่านมาจึงมุ่งมั่นสื่อสาร สร้างองค์ความรู้ด้านทักษะดิจิทัลในการรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ ทั้งฝ่ายความมั่นคง อย่างตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดีอี และ กสทช. เพื่อดูแล ปกป้อง ความปลอดภัยของลูกค้าและประชาชนภายใต้ โครงการ AIS อุ่นใจไซเบอร์ ในหลากหลายรูปแบบ”
​ล่าสุดจากนโยบายของ กสทช. ในการปราบปรามการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ที่ได้ประกาศหลักเกณฑ์การยืนยันตัวตนและข้อมูลการใช้บริการ สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ถือครองเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งระบบรายเดือนและเติมเงินจำนวนตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ ที่จะนำหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปกระทำความผิด ซึ่ง AIS พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าจากนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่

โดยจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งเตือนไปยังหมายเลขที่เข้าข่ายต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ในวันอังคารที่ 16 มกราคม 2567 ด้วย Sender “AIS” (ไม่มี link แนบ) ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาสิทธิและป้องกันการถูกระงับใช้งานชั่วคราว ลูกค้าสามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ภายในเวลาที่กำหนด ผ่าน AIS Shop, AIS Telewiz และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่าน 2 ช่องทาง 1. กด*161*2*เลขบัตรประชาชน# โทรออก ฟรี (รอรับ SMS ทำตามขั้นตอน) 2. ผ่านแอป myAIS (สำหรับลูกค้าระบบเติมเงิน)
​ส่วนกรอบเวลาที่ลูกค้าสามารถดำเนินการยืนยันตัวตน มี 2 ช่วง คือ
1. จำนวนหมายเลขที่ถือครองตั้งแต่ 6 – 100 เลขหมาย ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งทาง SMS
2. จำนวนหมายเลขที่ถือครองตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งทาง SMS
​สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นการปกป้องความปลอดภัยจากการถูกมิจฉาชีพลักลอบนำเบอร์ไปใช้ บริษัทฯ จะดำเนินการระงับการใช้งานชั่วคราว โดยจะยังคงรับสายและใช้เน็ตเข้า AIS Website และ แอป myAIS ได้ แต่ไม่สามารถโทรออกได้ (ยังคงโทรหมายเลข Emergency และ AIS Call Center ได้) โดยลูกค้าสามารถมายืนยันตัวตนเพื่อเปิดการใช้งานได้ผ่านช่องทางข้างต้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/public-relations/identity-verification-policy-for-user-registration